ลักษณะของห้องเรียนในศตวรรษที่ 21สาระน่ารู้
แปลและเรียบเรียง : ณัฏฐิณี ศรสุวรรณ
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของวารสารวิชาการ ที่ผลิตโดยสถาบันวิจัยการเรียนรู้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อแวดวงการศึกษาในระดับปฐมวัย เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคณะครู ผู้บริหารสถานศึกษา ในการรับมือและก้าวทันการเปลี่ยนแปลง หากท่านมีความประสงค์จะนำไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อ ฝ่ายวิชาการ lri2015journal@gmail.com
1. การเปลี่ยนแปลงในห้องเรียน
ห้องเรียนในศตวรรษที่ 21 จะเน้นไปที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และครูก็เป็นศูนย์กลางเช่นเดียวกันแต่ครูจะไม่ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้บรรยายอีกต่อไป แต่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ โดยที่นักเรียนกำลังเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ และครูทำหน้าที่เหมือนผู้ฝึกสอน ช่วยนักเรียนโดยให้นักเรียนเป็นผู้ลงมือทำเอง นักเรียนจะเรียนรู้ที่จะใช้วิธีการสอบถาม (inquiry method)และเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกแห่งความเป็นจริงที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ก่อนที่พวกเขาจะออกไปจากห้องเรียน
นักเรียนจะไม่ได้เรียนเป็นรายวิชาอีกต่อไป โดยพวกเขาจะทำงานในลักษณะของโครงงานสหวิทยาการ (Interdisciplinary projects)ซึ่งใช้ข้อมูลข่าวสารและทักษะจากหลายสาขาวิชา และได้กล่าวถึงมาตรฐานเกี่ยวกับการศึกษาที่มีความจำเป็นอย่างมาก
ตำราเรียนไม่ได้เป็นแหล่งข้องมูลหลักอีกต่อไปนักเรียนใช้แหล่งข้อมูลที่หลากหลาย รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อที่จะหาข้อมูลและรวบรวมข้อมูลที่พวกเขาต้องการ โดยที่พวกเขาอาจจะหาข้อมูลจากวารสารวิชาการต่างๆ การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ การสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต หรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อประยุกต์สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้มาหรือเพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆ แทนที่การทำเพียงแค่โครงงานพิเศษ เทคโนโลยีจะถูกบูรณาการกันอย่างลงตัวในการสอนในทุกๆ วัน
ณ ห้องเรียนใหม่แห่งนี้ เป็นการจัดกลุ่มนักเรียนแบบยืดหยุ่น อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่แต่ละคนต้องการ เป็นมาตรฐาน ครูยังคงใช้การจัดการเรียนการสอนเป็นกลุ่ม แต่ไม่ใช่การเรียนการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาที่เราใช้กัน ครูประเมินนักเรียนเกี่ยวกับความต้องการในการเรียนการสอนและรูปแบบในการเรียนรู้ หลังจากนั้นจึงใช้การเรียนการสอนและวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อที่จะได้ตอบสนองกับความต้องการของนักเรียนทุกคนในห้องเรียน
การมุ่งประเด็นไปที่การเรียนรู้ของนักเรียนในห้องเรียนนั้นมีความแตกต่าง ประเด็นไม่ได้อยู่บนพื้นฐานการเรียนรู้โดยการจำและการนึกย้อนถึงข้อมูลต่างๆ อีกต่อไป แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อที่จะเรียน ณ ตอนนี้ นักเรียนได้ใช้ข้อมูลที่ได้เรียนรู้มาและแสดงความชำนาญหรือความรอบรู้ของเนื้อหาในโครงงานที่พวกเขาได้ไปสำรวจข้อมูล วิธีในการค้นหาคำตอบ และวิธีการใช้ข้อมูล ( เราทำตลอดเวลาในห้องเรียนวิทยาศาสตร์) จุดที่เราเน้นจะมุ่งไปที่ห้องเรียนคือการสร้างผู้เรียนให้เรียนรู้ตลอดชีวิต ด้วยเป้าหมายในใจเป้าหมายนี้ นักเรียนจะก้าวไปข้างหน้าในบทบาทของนักเรียนผ่านประสบการณ์การเรียนรู้แห่งความเป็นจริง
เหมือนกับว่าการเรียนรู้ของนักเรียนเปลี่ยนแปลงไป และมีการประเมินสำหรับการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ครูใช้วิธีที่หลากหลายของการประเมินผลเชิงปฏิบัติการ (Performance – based assessment)เพื่อใช้ในการประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน การทดสอบเพื่อวัดความสามารถของนักเรียนในการจำและการนึกย้อนถึงข้อเท็จจริงนั้นจึงไม่มีอีกต่อไป ทั้งหมดหมายถึงการประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน แทนที่ด้วยการที่ครูใช้โครงงานของนักเรียน การนำเสนองาน และการประเมินผลเชิงปฏิบัติการ (Performance – based assessment) อื่นๆ เพื่อทำการตัดสินความสำเร็จของนักเรียนและความต้องการของนักเรียนแต่ละบุคคล
เป้าหมายของห้องเรียนในศตวรรษที่ 21 คือการเตรียมนักเรียนให้เป็นสมาชิกที่มีประสิทธิภาพในสถานที่ทำงาน
2. การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมครู
เหมือนกับว่าห้องเรียนกำลังเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ครูต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและความรับผิดชอบ ครูไม่ได้สอนแยกวิชาอีกต่อไป ครูในยุคปัจจุบันจะต้องเป็นผู้ร่วมสอน(co - teach) สอนเป็นทีม(team teach) และร่วมมือกับสมาชิกของภาควิชาต่างๆ ผู้มีส่วนร่วมรวมไปถึง ผู้บริหาร คณะกรรมการ ผู้ปกครอง และนักเรียนร่วมกันแบ่งปันความรับผิดชอบกับครูในการให้ความรู้แก่นักเรียน
ครูควรรู้ว่าต้องรวมกลุ่มหรือมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนในการเรียนรู้ และดำเนินการสอนที่มีประสิทธิภาพโดยใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย เช่นเดียวกันกับการใช้เทคโนโลยี ครูจะต้องอยู่ข้างๆ นักเรียน ในขั้นตอนการเรียนรู้ ในฐานะผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต พวกเขาเป็นผู้มีส่วนร่วมที่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของพวกเขาเอง พวกเขาค้นหาทักษะการพัฒนาอย่างมืออาชีพซึ่งจะช่วยให้พวกเขาปรับปรุงทั้งการเรียนรู้และการแสดงออกของพวกเขาเอง
บทบาทใหม่ของครูในห้องเรียนแห่งศตวรรษที่ 21 คือต้องการการเปลี่ยนแปลงในองค์ความรู้ของครูและพฤติกรรมในห้องเรียนของครู ครูต้องมีความรู้ในเรื่องต่อไปนี้ :
· ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในห้องเรียน ใช้ทรัพยากรและโอกาสที่เหมาะสม เพื่อที่จะสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ซึ่งจะทำให้เด็กสร้างความรู้ด้วยตัวของพวกเขาเอง ครูต้องเข้ากับนักเรียนและรู้วิธีในการดำเนินบทเรียนอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการเรียนการสอนที่มีความหมายซึ่งจะทำให้เด็กมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้
· สร้างความปลอดภัย ให้การสนับสนุน และ สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในเชิงบวกสำหรับนักเรียนทุกคน แผนการดำเนินงานที่ต้องการนี้อยู่ในส่วนของครูเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เพื่อสร้างการจัดการห้องเรียนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ และเพื่อให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษต่างๆ ได้เข้าถึงการศึกษาและการช่วยเหลืออื่นๆ ครูได้รับการฝึกฝนทักษะในการจัดการประสบการณ์ความรู้หลายๆด้าน เพื่อที่จะสร้างสิ่งที่เป็นด้านบวกและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักเรียนทุกคนในห้องเรียน กระบวนการและนโยบายของห้องเรียนเป็นส่วนสำคัญของการสร้างสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ในเชิงบวก ครูประเมินและมีเทคนิคการจัดการห้องเรียนที่มีประสิทธิภาพในลักษณะที่สอดคล้องกัน ครูใช้กิจวัตรประจำวันและกระบวนการซึ่งทำให้เวลาในการสอนมีมากขึ้น นักเรียนจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ครูคาดหวังจากพวกเขา และครูรู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับสิ่งรบกวนต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในแง่ลบกับนักเรียนในชั่วโมงการเรียนการสอน
· แผนสำหรับระยะยาวและระยะสั้น
· สนับสนุนการร่วมมือกันระหว่างนักเรียนในห้องเรียน รูปแบบของครูและส่งเสริมคุณค่าและกระบวนการประชาธิปไตยซึ่งมีความจำเป็นสำหรับโลกแห่งความเป็นจริง
· ให้กำลังใจในความอยากรู้ของเด็ก และกระตุ้นเด็กจากภายในเพื่อเรียนรู้ ครูช่วยให้เด็กเป็นอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นผู้มีความคิดวิพากษ์วิจารณ์ โดยการจัดเตรียมประสบการณ์ซึ่งจะพัฒนาความเป็นอิสระของนักเรียน เกี่ยวกับการวิจารณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการแก้ไขปัญหา ครูจะต้องมีเวลาที่มากพอสำหรับเด็กเพื่อที่จะทำงานให้ลุล่วงไปได้ และจะต้องมีความชัดเจนในความคาดหวัง เด็กนักเรียนมีความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ของพวกเขาเอง ภายในบรรยากาศซึ่งเคารพต่อความต้องการในการพัฒนาในลักษณะที่เป็นลักษณะเฉพาะ และสนับสนุนการคาดหวังด้านบวกและความเคารพซึ่งกันและกัน
· ทำให้นักเรียนรู้สึกมีคุณค่า ครูเน้นไปที่ความพยายามในการร่วมมือกันในกลุ่มมากกว่าการพยายามแข่งขันระหว่างบุคคลผ่านโครงงานการร่วมมือกันและจิตวิญญาณของทีม
· สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับนักเรียน ผู้ปกครอง เพื่อนร่วมงาน และผู้มีส่วนร่วมอื่นๆ ครูใช้การเขียน การพูด และเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ด้านบวกและเพื่อให้บุคคลอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของนักเรียน
· ใช้ภาษาเพื่อสนับสนุนการแสดงออกเฉพาะตัวการพัฒนาอัตลักษณ์ และการเรียนรู้ในตัวนักเรียน
· ฟังอย่างใช้ความคิดและมีการตอบสนอง
· สนับสนุนการตระหนักในด้านวัฒนธรรมและความละเอียดอ่อนของวัฒนธรรมให้กับนักเรียน ครูสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่นๆ และค่อยๆ สอนที่ละเล็กทีละน้อยเกี่ยวกับความเคารพผู้อื่นและความแตกต่างของพวกเขา
(Commitment to the Role of Teacher as a Facilitator of Learning, 2007 )
บทสรุป
ถ้านักเรียนเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิภาพของสถานที่ทำงานในศตวรรษที่ 21พวกเขาต้องทำให้ทักษะของศตวรรษที่ 20 มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป และต้องรอบรู้ในทักษะของศตวรรษที่ 21 ครูได้รับความไว้วางใจในการทำให้นักเรียนเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทักษะเหล่านั้นเช่นเดียวกับสร้างรูปแบบต่างๆ เหล่านั้นให้เกิดขึ้นในห้องเรียน ลักษณะของห้องเรียนในศตวรรษที่21จะมีความแตกต่างจากห้องเรียนในอดีต เพราะว่าห้องเรียนในศตวรรษที่21 จะมุ่งประเด็นไปที่การผลิตนักเรียนทีมีประสิทธิภาพสูง เป็นผู้สื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เป็นผู้คิดสร้างสรรค์ และเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี
อ้างอิง
Commitment to the Role of Teacher as a Facilitator of Learning, (2007 )Retrieved January 30,2007 from http://www.onu.edu/a+s/cte/knowledge/facilitator.shtml
เปลี่ยนจาก |
คำอธิบาย |
เปลี่ยนเป็น |
คำอธิบาย |
ครูเป็นศูนย์กลาง |
ครูใช้เวลาในการเผยแพร่ข้อมูลไปสู่นักเรียนผ่านคำสั่งโดยตรง |
นักเรียนเป็นศูนย์กลาง |
ครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก และฝึกฝนนักเรียนในฐานะที่พวกเขาทำงานอยู่บนโครงงานที่แท้จริง |
ครอบคลุมไปด้วยเนื้อหา |
ครูใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสอนเพื่อให้ครอบคลุมเนื้อหาผ่านการสอนโดยตรงและเปลี่ยนนำไปสู่ระยะที่มั่นใจได้ว่าวัสดุทุกอย่างได้รับการนำออกมาสอนแล้ว โดยไม่สนว่าเด็กจะเรียนรู้หรือไม่ |
เรียนรู้และลงมือทำ |
ครูเป็นผู้ออกแบบโครงงานเพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่สำคัญ การแสดงออกของนักเรียนกับโครงงานแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพหรือความบกพร่องในมาตรฐานนั้น มีการช่วยเหลือสำหรับนักเรียนที่ยังไม่ได้มาตรฐาน |
การจดจำข้อมูล |
ครูใช้เวลาจำนวนมากในการใช้คำสั่งโดยตรง เป็นในการประเมินที่เกิดขึ้นลักษณะของการทดสอบในช่วงท้ายซึ่งการทบทวนข้อมูลเป็นการทดสอบ |
การนำข้อมูลไปใช้ |
ครูให้นักเรียนใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาโครงงานการเรียนรู้ตามสภาพจริงซึ่งความชำนาญของข้อมูลจะถูกแสดงออกมาในรูปแบบของข้อมูลที่ถูกใช้ในโครงงาน |
ผู้สอน |
ครูใช้เวลาจำนวนมากในการยืนและถ่ายทอดความรู้ที่มาจากครู |
เป็นผู้อำนวยความสะดวก |
ครูเป็นผู้จัดเตรียมโครงงานซึ่งเป็นการรวมนักเรียนในการทำวิจัยและค่อยๆ ปรับความรู้ด้วยตัวพวกเขาเอง ครูทำหน้าที่เป็นครูฝึกและเตรียมการสนับสนุน สิ่งที่นักเรียนต้องการ นักเรียนทำหน้าที่เป็นผู้จัดการของโครงงานนั้นๆ
|
องค์ประกอบเป็นการรวมกลุ่มทั้งหมด |
เด็กทุกๆ คนได้รับการสอนเหมือนกัน รูปแบบเดียวกันทุกคน |
องค์ประกอบของกลุ่มมีความยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับความต้องการของเด็กแต่ละคน |
ครูจัดกลุ่มนักเรียนขึ้นอยู่กับความต้องการของเด็ก คำสั่งแทบจะไม่เป็นการสั่งทั้งกลุ่ม คำสั่งจะเกิดขึ้นเป็นตัวบุคคล เป็นคู่ หรือเป็นกลุ่มเล็กๆ มากกว่าตามความต้องการ |
รูปแบบวิธีการเรียนรู้และการสอนเป็นรูปแบบเดียว |
|
รูปแบบวิธีการเรียนรู้และการสอนหลากหลายรูปแบบเพื่อที่จะรวมนักเรียนทุกคน |
|
การจดจำและการระลึกได้ |
การทดสอบเป็นความสำคัญอันดับแรกของการประเมินและมุ่งประเด็นไปที่การระลึกได้และทักษะการคิดระดับต่ำ |
ทักษะการคิดขั้นสูง |
ครูมอบหมายโครงงานในชั้นเรียนซึ่งเป็นโครงงานที่ต้องการทักษะการคิดขั้นสูง (การสังเคราะห์ การวิเคราะห์ การประยุกต์ใช้ และการประเมินผล) |
เปลี่ยนจาก |
คำอธิบาย |
เปลี่ยนเป็น |
คำอธิบาย |
ความรู้จากสาขาวิชาเดียว |
ห้องเรียนถูกจัดการให้แยกออกจากกันโดยปราศจากการเชื่อมโยงไปยังห้องเรียนอื่นๆ หรือวิชาต่างๆ |
สหวิทยาการ ( ความรู้ที่รวมเอาหลายสาขามาประกอบกัน) |
ครูมอบหมายให้นักเรียนทำโครงงานให้เสร็จสมบูรณ์ซึ่งถูกออกแบบเพื่อการใช้ข้อมูลและทักษะซึ่งเรียนรู้ผ่านวิชาอื่นๆ โครงงานบางโครงงานและการมอบหมายงานอาจจะสำเร็จโดยการร่วมมือกันระหว่าง 2 วิชา หรือมากกว่า (ตัวอย่างเช่น วิชาประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาศาสตร์) |
การแยกออกจากกัน |
นักเรียนได้รับการสนับสนุนให้ทำงานอย่างเอกเทศ |
การร่วมมือกัน |
ครูอนุญาตให้เด็กทำงานร่วมกันและเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ ในห้องเรียนรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญภายนอกโรงเรียน |
การทดสอบหรือการประเมินโดยการทดสอบ |
นักเรียนได้ถูกประเมินผ่านการสอบเท่านั้น |
การประเมินผลอิงความสามารถ |
ครูใช้โครงงาน ชิ้นงาน และการแสดงออกในการประเมินผลเพื่อตัดสินความสำเร็จและความต้องการของนักเรียน การประเมินผลยังถูกปรับให้เข้ากับพรสวรรค์และความต้องการของนักเรียน |
การเรียนการสอนขึ้นอยู่กับหนังสือเรียน |
ครูจะทำตามหนังสือเรียนบทต่อบท หน้าต่อหน้า หนังสือเรียนเป็นแหล่งข้อมูลหลัก |
แหล่งที่มาของข้อมูลที่หลากหลายรวมไปถึงเทคโนโลยี |
ครูใช้หนังสือเรียนในฐานะที่เป็นทรัพยากรอื่นๆ ซึ่งจะถูกใช้ร่วมกันกับอินเตอร์เน็ต วารสาร บทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ
|
เทคโนโลยีเป็นสิ่งหรูหรา |
ครูเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีเป็นหลักและส่วนมากใช้ในการนำเสนอข้อมูล |
เทคโนโลยีถูกบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบในห้องเรียน |
ครูให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีอย่างปกติเพื่อการหาข้อมูล เครือข่ายการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและระหว่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการผลิตการนำเสนอโครงงานและการแสดงออก |
เปลี่ยนจาก |
คำอธิบาย |
เปลี่ยนเป็น |
คำอธิบาย |
รูปแบบการสอนของครูมีเพียงรูปแบบเดียว |
ครูใช้วิธีการสอนเพียงรูปแบบเดียวตลอดเวลา (ตัวอย่างเช่น พูดอย่างเดียวเท่านั้น หรือเขียนลงบนกระดานเท่านั้น) ครูคาดหวังให้นักเรียน ส่งงานในรูปแบบเดิมตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น งานทุกอย่างจะอยู่ในรูปแบบของงานเขียน) |
ครูจัดการเรียนการสอนเพื่อนักเรียนทุกคน |
ครูใช้วิธีการที่แตกต่างของการนำเสนอข้อมูล วิธีการขึ้นอยู่กับความชอบของเด็กแต่ละคนหรือเป็นกลุ่ม นักเรียนสามารถทำให้ครูเชื่อข้อมูลผ่านโครงงาน การแสดงออก การมอบหมายงาน ในความหลากหลายต่างๆ ขึ้นอยู่กับความชอบของพวกเขา (การเขียน การพูด ดนตรี การแสดง ฯลฯ) |
เรียนรู้เนื้อหา |
มุ่งประเด็นไปที่เนื้อหาที่ครอบคลุม |
การเรียนรู้ที่เน้นตัวผู้เรียนโดยตรง |
ผ่านโครงงานต่างๆ ครูให้นักเรียนเรียนรู้ผ่านวิธีการถามคำถามที่ถูกต้อง ทำการสำรวจที่เหมาะสม ได้คำตอบ และใช้ข้อมูล ดังนั้น พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตของพวกเขา |
การเรียนรู้โดยแยกทักษะและเป็นในลักษณะของข้อเท็จจริง |
ข้อเท็จจริงและทักษะต่างๆ ที่สอนถูกดึงออกจากบริบทเพื่อจุดมุ่งหมายของพวกเขาเอง |
การใช้ความหลากหลายของชนิดของข้อมูลเพื่อการทำโครงงานการเรียนรู้ที่แท้จริงให้สำเร็จ |
ครูออกแบบโครงงานซึ่งช่วยให้เด็กเรียนรู้ข้อมูลและทักษะผ่านการใช้ข้อมูลและทักษะในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง |
การปฏิบัติหรือแสดงออกในการเป็นนักเรียนอย่างชัดเจน |
นักเรียนมีส่วนร่วมทางการศึกษาอย่างเข้มงวด (ตัวอย่างเช่น การจดบันทึก การพูด การฟังเพื่อการบรรยาย) |
นักเรียนทำหน้าที่เหมือนคนงานที่อยู่ในกฎระเบียบ |
ครูมอบหมายงานให้นักเรียน ไม่ว่าจะเป็นโครงงานและการแสดงต่างๆ เพื่อที่จะอนุญาตให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติหรือแสดงออกในทางที่บุคคลหนึ่งควรจะต้องทำในลักษณะของโลกแห่งความจริง (เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน นักคณิตศาสตร์ ฯลฯ
|
การสอนโดยการแยกออกจากกัน |
ปิดประตูและทำงานเพียงลำพังโดยไม่มีการติดต่อหรือขอรับความช่วยเหลือจากภายนอกห้องเรียน |
การสอนในการร่วมมือกัน |
ครูมีส่วนในการร่วมสอนและสอนร่วมกันเป็นทีม เช่นเดียวกันกับการทำงานด้วยความร่วมมือกันกับสมาชิกในภาควิชาต่างๆ เพื่อปรับปรุงการเรียนรู้สำหรับนักเรียน |
การสอนในลักษณะที่ทำให้นักเรียนขาดความเชื่อมต่อหรือไม่มีส่วนร่วม |
นักเรียนเกิดความเบื่อเพราะว่าโรงเรียนไม่มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันและพวกเขารู้สึกว่ามีพลังลดลง |
การให้นักเรียนในศตวรรษที่ 21มีปฏิสัมพันธ์หรือมีส่วนร่วม |
ครูพิจารณาโดยใช้วิธีหาลักษณะเฉพาะตัวของพลังสมองในศตวรรษที่ 21 และลักษณะนิสัยของชาวดิจิทัลในศตวรรษที่ 21 เพื่อจัดเตรียมการการสอนที่มีปฏิสัมพันธ์กันและการสอนที่มีประสิทธิภาพ |
เปลี่ยนจาก |
คำอธิบาย |
เปลี่ยนเป็น |
คำอธิบาย |
การสอนในเนื้อหาวิชา |
ครูมุ่งประเด็นการสอนเป็นรายวิชา |
การสอนเพื่อการเตรียมนักเรียนเพื่อสถานที่ทำงานในศตวรรษที่ 21 |
ครูรวมองค์ประกอบต่างๆ ของสถานที่ทำงานในศตวรรษที่ 21เข้าไปในห้องเรียนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนในประสบการณ์ในสถานที่ทำงานในศตวรรษที่ 21และทักษะต่างๆที่เกี่ยวข้อง |
ครูเป็นผู้ให้ความรู้แก่นักเรียนแต่เพียงผู้เดียว |
ครูเป็นผู้รับผิดชอบสำคัญสำหรับให้การศึกษาแก่นักเรียน |
แบ่งความรับผิดชอบสำหรับการศึกษาให้แก่นักเรียน |
ครูติดต่อสื่อสารกับผู้มีส่วนร่วมทุกคน ( ผู้บริหาร คณะกรรมการโรงเรียน ผู้ปกครอง นักเรียน) และการเข้าร่วมเพื่อช่วยเหลือและเพื่อการแสดงผลการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพของนักเรียน |
“นั่งและได้รับ” เพื่อการพัฒนาอย่างมืออาชีพ |
ครูมีส่วนและยอมรับการพัฒนาอย่างไม่เป็นมืออาชีพและไม่มีประสิทธิภาพ |
การพัฒนาอย่างมืออาชีพในศตวรรษที่ 21และสังคมการเรียนรู้ |
ครูมีส่วนในความกระตือรือร้นและวางแผนเข้าร่วมในการพัฒนาอย่างมืออาชีพซึ่งใช้การเรียนรู้จากสังคมทั่วไปเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ของนักเรียนและการบรรลุผลสำเร็จ |
ครูรอเพียง 1 คำตอบจากนักเรียน |
ครูตั้งคำถามระดับต่ำซึ่งต้องการการตอบที่เป็นความจำ เน้นไปที่คำตอบที่ถูกต้อง |
ครูรอคำตอบที่หลากหลายจากนักเรียน |
ครูตั้งคำถามระดับสูงซึ่งต้องการทักษะการคิดขั้นสูงกับวิธีการแก้ปัญหาที่หลากหลาย เน้นไปที่ชนิดของคำถาม |
ครูสะท้อนผลงานจากผลสำเร็จของนักเรียน |
ครูวิเคราะห์คะแนนของการประเมินสำหรับจุดมุ่งหมายของกระบวนการการรายงาน |
นักเรียนสะท้อนให้เห็นถึงผลสำเร็จของนักเรียนร่วมกับกับครู |
ครูและนักเรียนวิเคราะห์คะแนนของการประเมินเพื่อระบุจุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อแนะนำในการสอนและการสนับสนุนทางการศึกษา |
รูปแบบไหนที่จะสามารถอธิบายห้องเรียนหรือโรงเรียนของคุณ?
ห้องเรียนในศตวรรษที่ 20 |
ห้องเรียนในศตวรรษที่ 21
|
ใช้เวลาเป็นฐาน |
ใช้ผลลัพธ์เป็นฐาน |
มุ่งประเด็นไปที่ : การท่องจำของข้อมูลที่ไม่ปะติดประต่อ |
มุ่งประเด็นไปที่ :สิ่งที่นักเรียนรู้ สามารถทำได้ และดูเหมือนว่าทุกๆ รายละเอียดจะถูกลืมไป |
บทเรียนมุ่งประเด็นไปที่ระดับต่ำของ Bloom’s Taxonomy ความรู้- ความเข้าใจ และการประยุกต์ใช้ |
การเรียนถูกออกแบบอยู่บนระดับที่สูงขึ้นของ Bloom – การสังเคราะห์ การวิเคราะห์ และการประเมินผล (รวมไปถึงระดับที่ต่ำกว่าเช่นหลักสูตรถูกออกแบบจากระดับล่างขึ้นบน) |
ขับเคลื่อนด้วยตำราเรียน |
ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัย |
การเรียนการสอนที่ผู้สอนสอนเพียงฝ่ายเดียวโดยผู้เรียนนั่งนิ่งเฉย |
การเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน |
ผู้เรียนต่างทำงานแยกกันในห้องเรียนโดยมีกำแพงกั้น 4 ด้าน |
ผู้เรียนทำงานร่วมกันกับเพื่อนร่วมห้องและคนอื่นๆ รอบโลก- ห้องเรียนโลกาภิวัตน์ |
ครูเป็นศูนย์กลาง: ครูเป็นศูนย์กลางของความสนใจและเป็นผู้ให้ข้อมูล |
นักเรียนเป็นศูนย์กลาง: ครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกหรือผู้ฝึกสอน |
นักเรียนไม่ค่อยมีอิสระ |
นักเรียนมีอิสระมาก |
ปัญหาเรื่องระเบียบวินัย – ครูไม่เชื่อใจนักเรียนและในทางกลับกันนักเรียนก็ไม่เชื่อใจครู ไม่มีแรงจูงใจของเด็ก |
ไม่มีปัญหาเรื่องระเบียบวินัย- ครูและนักเรียนมีความเคารพซึ่งกันและกันในฐานะผู้ร่วมเรียนรู้; นักเรียนมีแรงจูงใจมาก |
หลักสูตรที่แยกออกเป็นส่วนๆ |
หลักสูตรแบบบูรณาการและเป็นแบบสหวิทยาการ |
เกรดเฉลี่ย |
เกรดขึ้นอยู่กับสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้ |
ความคาดหวังต่ำ |
ความคาดหวังสูง-“ถ้ามันไม่ดี มันจะไม่เสร็จ” พวกเราคาดหวัง และมั่นใจว่านักเรียนทุกคนจะประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ระดับสูง บางคนอาจจะไปได้สูงกว่านี้ – พวกเราต้องออกจากทางของพวกเขาและให้พวกเขาได้ทำ |
ครูเป็นผู้ตัดสินหรือเป็นผู้ประเมิน |
ตนเอง เพื่อน และการประเมินอื่นๆ สาธารณชน ผู้ชม การประเมินตามสภาพจริง |
หลักสูตร/ โรงเรียนไม่มีความสัมพันธ์กันและไร้ความหมายสำหรับนักเรียน |
หลักสูตรมีความเชื่อมโยงกับความสนใจของนักเรียน ประสบการณ์ พรสวรรค์ และโลกแห่งความเป็นจริง |
หนังสือและตำราเป็นพาหนะสำคัญในการเรียนรู้และการประเมิน |
การแสดงออก โครงงาน และรูปแบบที่หลากหลายของสื่อถูกใช้สำหรับการเรียนรู้และการประเมิน |
ความหลากหลายในนักเรียนถูกละเลย |
หลักสูตรและการสอนช่วยระบุในความหลากหลายของเด็ก |
การอ่านออกเขียนได้มี 3 r Reading (การอ่าน) Writing(การเขียน) Math(คณิตศาสตร์ )
|
ความรู้ที่หลากหลายของศตวรรษที่ 21 – จะเป็นการดำเนินคู่ไปกับการอาศัยอยู่และการทำงานในยุคโลกาภิวัฒน์สหัสวรรษใหม่ – ความรู้เกี่ยวกับการได้ยินเสียงและการเห็นภาพ ความรู้เกี่ยวกับการเงิน ความรู้ที่มนุษย์ต้องมีสำหรับการอยู่อย่างยั่งยืนในสังคมปัจจุบัน ความรู้เกี่ยวกับสื่อ ความรู้เกี่ยวกับข้อมูล ความรู้เกี่ยวโลกไซเบอร์ สมรรถภาพทางกาย/สุขภาพ และทักษะที่เป็นสากล |
รูปแบบของโรงงานขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ว่าจ้างสำหรับยุคอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ |
รูปแบบของศตวรรษที่ 21 |
ขับเคลื่อนโดย NCLB (The No Child Left Behind) มาตรฐานอยู่ที่การทดสอบ |
ขับเคลื่อนโดยการสำรวจ ความคิดสร้างสรรค์และทักษะในศตวรรษที่ 21 |