พลเอกประยุทธ์" ชี้ปัญหาการศึกษา เด็กต้องเรียนให้เหมาะสมกับวัย สั่งจับตารร.กวดวิชา
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ตอนหนึ่งถึงระบบการศึกษาว่า ได้รับการร้องเรียนจากเด็ก ผู้ปกครองเป็นจำนวนมากว่า หลักสูตรการเรียนในปัจจุบัน ยังมีความไม่เหมาะสมอยู่บางประการ รวมถึงเด็กไม่มีเวลาว่าง ไม่มีเวลาอยู่กับพ่อกับแม่ให้ผู้ปกครองอบรมสั่งสอนปละช่วยงานบ้าน ฉะนั้นทำให้เด็กสมัยใหม่หยิบจับอะไรไม่เป็น นอกจากนั้นยังมีปัญหาค่าใช้จ่ายสูงในการเรียนกวดวิชาและการบังคับเรียนกวดวิชา ซึ่งต้องให้กระทรวงศึกษาดูแลเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามต้องผลิตนักศึกษาให้สามารถที่จะป้อนตลาด ที่ต้องการอย่างแท้จริง
"ผมบอกแล้วว่า การศึกษา เป็นบ่อเกิดของปัญญา ได้รับการร้องเรียนจากเด็ก ผู้ปกครองเป็นจำนวนมากว่า หลักสูตรการเรียนในปัจจุบัน ยังมีความไม่เหมาะสมอยู่บางประการ เช่น การให้ความรู้ในวิชาต่าง ๆ น่าจะปรับให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก มากกว่าที่จะเรียน ตั้งแต่เล็ก ๆ บางอย่างไม่สมควรที่จะเรียนแต่วัยเล็ก ๆ อาจจะเป็นวิธีการคิดแบบในปัจจุบัน เพราะโลกปัจจุบันคิดใหม่ พอให้เด็กเรียนตั้งแต่เล็ก ๆ สมัยก่อนเรียนแล้วก็จบไปเป็นเรื่อง ๆ เป็นวิชาตามวัย คือเป็นเด็กรู้ก็รู้เท่านี้พอ พอโตขึ้นก็ไปเรียนวิชาอื่น เพราะบางวิชาไม่เหมาะสมที่จะเรียนตลอด
ผมก็ไม่แน่ใจว่า วิชามากมายสำหรับเด็กเล็ก ๆ นี้ มีวิชามากมายและเด็กจะต้องเรียนทุกวิชา เพียงแต่เรียนพื้นฐาน และต่อไปก็เรียนเท่าเก่า ปีต่อไปก็เรียนเท่าเก่า แต่ยากขึ้น ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ เด็กไม่มีเวลาว่าง ไม่มีเวลาอยู่กับพ่อกับแม่ เรียนมากไม่เข้าใจ ไม่แน่น และเป็นภาระในการทำการบ้านมาก ไม่มีเวลาให้ผู้ปกครองอบรมสั่งสอน ช่วยงานบ้าน ฉะนั้นทำให้เด็กสมัยใหม่หยิบจับอะไรไม่เป็น พ่อแม่ทำให้หมด ทำงานบ้านก็ไม่เป็นเป็น ข้อเท็จจริงอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ต้องระมัดระวัง ต้องเรียนรู้ เด็กโตต้องเรียนให้เหมาะสมกับวัย เราเข้าใจเตรียมเด็กไปสู่อนาคตต้องแข่งขันกับโลกภายนอก ต่างประเทศ แต่ถ้าเด็กฉลาดไม่กี่คนที่ไปชนะเหรียญมา แต่ที่เหลือโง่ทั้งประเทศ ผมว่าไม่ใช่
เรื่องค่าใช้จ่ายในการศึกษาในเวลายังสูง ยิ่งถ้าเรียนกวดวิชา ค่าใช้จ่ายยิ่งสูงมาก ทำไมจึงบังคับให้เด็กไปเรียนกวดวิชา ถ้าเรียนในห้องดีพ่อแม่ไม่เดือดร้อน ครูก็ไม่เดือดร้อนกลับบ้านไปดูลูกตัวเองเหมือนกัน ครูต้องมาเสียเวลาไปกวดวิชา ลูกคนจนก็ส่งไปเรียนไม่ได้ก็สอบตก อันนี้กระทรวงศึกษาธิการไปหามา ไปทำมา การศึกษาต้องสามารถไปเรียนต่อได้ แข่งขันได้เหมือนกันแต่ค่าใช้จ่ายต้องน้อยลง ไม่เป็นภาระผู้ปกครอง
จากเหตุเดียวกันนี้ คนจบปริญญาตรีตกงานร้อยละ 53 ผมถามว่าเราจะเรียนปริญญาตรีไปอีกเท่าไหร่ก็ตกมาเรื่อย ๆ ต้องแก้ไข ต้องปรับค่านิยมใหม่และจะทำอย่างไร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถ้าผมเองคงสอนให้น้อยลงสำหรับเรื่องวิชาการ ให้น้อยลงได้หรือไม่ ให้เขาเรียนรู้ให้มากขึ้น เพื่อตัวเองก็ได้ เรียนให้มีคุณภาพไม่ใช่เน้นปริมาณ สร้างคนด้านวิชาอาชีพให้มากขึ้น ต้องพอในความต้องการของตลาด ประเทศชาติขาดแคลน ต้องอาศัยแรงงานภายนอกมาบางอย่าง เพราะวิชาชีพเราไม่ได้ผลิตหรือคนไม่นิยม เพราะว่า อย่างเช่น ช่างกลดีก็มี ตีกันก็มาก พ่อแม่เขาไม่อยากให้ลูกมาเรียนไม่ปลอดภัย ถ้าอย่างนั้น รุ่นพี่รุ่นน้องต้องกลับไปคุยกัน ต่อไปนี้ผมต้องการยกระดับสถาบันวิชาชีพให้สูงขึ้นให้ได้รับความนิยม ให้ได้รับความปลอดภัย ผลิตสุภาพบุรุษออกมา สุภาพบุรุษช่างกล สุภาพบุรุษโรงเรียนวิชาอาชีพ
ฉะนั้นเราต้องสนับสนุนในเรื่องการศึกษาให้มากขึ้น ไปดูว่าวันนี้ผมเข้าประชุมมากไม่ทราบว่ากี่ร้อย กี่พันทุนและทุนไปตรงไหนทั่วถึงหรือไม่และมีผลสัมฤทธิ์หรือไม่ว่า ไปเรียนมาแล้วกลับมาทำอะไร ไปดูใหม่ ฉะนั้นต้องผลิตนักศึกษาให้สามารถที่จะป้อนตลาด ที่ต้องการอย่างแท้จริง การศึกษาต้องมีทั้งในระบบ นอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัยต้องสอดคล้องกับระบบซึ่งกันและกัน กระทรวงศึกษาธิการพูดไปแล้วนะครับ ฉะนั้นต้องบูรณาการ การศึกษาทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด"
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2557